พ.ศ.2494
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2494 โดย ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ด้วยทุนจดทะเบียน 2,000,000 บาท
พ.ศ.2507
ทางราชการได้รับโอนหุ้นของ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ มาเป็นของกระทรวงการคลังส่วนหนึ่ง
พ.ศ.2518
ทางราชการได้รับโอนหุ้นของ ฯพณฯ จอมพลประภาส จารุเสถียร เป็นของกระทรวง การคลังอีกส่วนหนึ่ง ทำให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทถึง 55.6% เป็นผลให้ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พ.ศ.2533
บริษัทฯ ได้เปิดทำการที่อาคารสำนักงานใหญ่ ซึ่งเป็นของตนเอง เป็นอาคาร 7 ชั้น ตั้งอยู่ ณ 63/2 ถนนพระราม 9 ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2533 และบริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทดีเด่นแห่งปี ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติ สูงสุดของบริษัทฯและพนักงานทุกคน
พ.ศ.2536
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังกระจายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทฯ อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังเหลือเพียง 5.24 %
พ.ศ.2537
บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 80 ล้านบาทเป็น 240 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 24,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท และในเดือนมีนาคม พ.ศ.2538 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้แปรสภาพบริษัทฯ จากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทมหาชน และในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันนี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการเรื่องการแปรรูปเป็นบริษัทมหาชน ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 อีกทั้งยังเป็นการเตรียมการบริษัทฯ ให้มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และพร้อมที่จะแข่งขันในภาวะการแข่งขันเสรีของธุรกิจประกันภัยตามข้อตกลงของแกตต์ (GATT)
พ.ศ.2538
บริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัท มหาชน จำกัด ต่อกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2538 โดยมี กระทรวงการคลัง, ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารออมสิน และ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
พ.ศ.2542
บริษัทฯ ได้รับการรับรองระบบบริหารคุณภาพ ISO 9002 จากสถาบัน SGS Yarsley International Certification Services Limited แห่งประเทศอังกฤษ ทำให้ทิพยประกันภัยเป็น " บริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรกของไทยที่ได้ ISO 9002 ทุกระบบขององค์กร"
พ.ศ.2544
ครบรอบ 50 ปี แห่งความมั่นคง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯได้พัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการอย่างไม่หยุดยั้ง ผนวกกับบริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นที่เป็นองค์กรที่มีความมั่นคงและมีชื่อเสียง ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากทั้งภาครัฐ และ เอกชน ให้เป็นผู้รับประกันภัยในโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแรงผลักดัน ให้บริษัทฯ ก้าวขึ้นสู่ ความเป็นผู้นำด้านประกันวินาศภัยของประเทศ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมติดอันดับ 2ของกลุ่มบริษัทประกันวินาศภัยกว่า 77 บริษัท และมีเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ดสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ
พ.ศ.2545
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่อง โดยนำระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 : 2000 เข้ามาประยุกต์ใช้กับระบบเดิม เพื่อพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการบริการให้ดียิ่งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และเพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศในการบริการ บริษัทฯจึงได้เปิด Dhipaya Service Center (DSC) หรือศูนย์ทิพยบริการเพื่อเพิ่มศักยภาพ การให้บริการแบบครบวงจร One Stop Serviceเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการอำนวยความสะดวก รวดเร็ว สำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ติดต่อทำประกัน,การติดต่อสอบถาม, การติดต่อประสานงานเรื่องต่างๆ เป็นต้น รวมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เปิด Claims Photo Centerศูนย์การบริการเคลมรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการด้านสินไหมรถยนต์อีกด้วย
พ.ศ.2547
เป็นบริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรกของโลกที่รับประกันภัย " ไข้หวัดนก" ซึ่งกำลังระบาดอย่างหนักในขณะนั้นทำให้เกษตรกรไทยลดความเสี่ยง และคลายความกังวลใจได้มากนอกจากนี้ยังเพิ่มศักยภาพการบริการด้วยการเข้าร่วมโครงการ " ประกันทันใจ ด้วยบัตรใบเดียว" ของบริษัท เบสท์ เซอร์วิส (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นการขอสินเชื่อประกันภัยรถยนต์ โดยใช้เพียง " บัตรประชาชน" เท่านั้น เป็นการเปิดโอกาสให้สำหรับกลุ่มลูกค้าใหม่อาทิเช่น พ่อค้า - แม่ค้า ที่ไม่มีหลักฐานแสดงรายได้ให้สามารถขออนุมัติสินเชื่อเพื่อทำประกันภัยรถยนต์ในโครงการได้ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าด้วยการเปิดสำนักงานตัวแทนที่ศรีราชาเป็นแห่งที่ 15
พ.ศ.2548
นับเป็นปีที่เริ่มต้นด้วยความโศกเศร้าของคนไทยทั้งประเทศ จากเหตุการณ์มหันตภัยคลื่นยักษ์สึนามิ นำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน บริษัทฯ ได้ส่งอาสาสมัครทิพยบรรเทาภัย " หน่วยหนุมาน" พร้อมรถบรรเทาภัยเพื่อประชาชนไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น และมีการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ให้ความช่วยเหลือ และเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องคอยผวากับเหตุการณ์ความไม่สงบที่ยืดเยื้อมานาน จึงได้จัดทำ Radio Spot เพลง " คนไทยไม่ทิ้งกัน" ขับร้องโดย คุณ กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี โดยมีเนื้อหาเพื่อเป็นขวัญและ กำลังใจให้กับทุกคนในสังคม
บริษัท ฯ ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นผู้รับประกันภัยการก่อการร้ายในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้พี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รู้สึกอบอุ่นและมั่นใจในแผ่นดินเกิดของตัวเอง และรับประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทที่ติดตั้งอุปกรณ์เติมก๊าซ NGV เพื่อสนองนโยบายของรัฐในการประหยัดพลังงานที่ต้องการให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซ NGV
บริษัท ฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 240 ล้านบาทเป็น 300 ล้านบาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 60 ล้านบาท และยังได้ขยายการบริการสู่ภูมิภาคด้วยการเปิดสำนักงาน สาขาเพิ่มอีก 4 แห่งได้แก่ สาขาอุดรธานี สาขานนทบุรี สาขาเชียงาย และยังได้จัดทำโครงการ " Smart Branch" ฉลาดคน ฉลาดงาน ฉลาดพัฒนาสาขา เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของสาขาทั่วประเทศ และยังมีการพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ควบคู่ไปด้วย จึงมีโครงการ " Dhipaya IT Year" ด้วยสโลแกน " ทิพยพันธุ์ใหม่ ก้าวไกลกับ IT Year" เพื่อให้พนักงานมีความตื่นตัวในการใช้ IT และนำมาพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
และจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาการบริการเพื่อการเป็นบริษัทประกันภัยที่เป็นเลิศอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลในฐานะบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่นเป็นอันดับ 3 ของผลประกอบการปี 2548 จากกรมการประกันภัย
ด้านการพัฒนาศักยภาพการให้บริการ ทิพยประกันภัยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้แก่ โครงการ " ทิพยตะกาฟูล" เพื่อให้สอดคล้องกับการประกันภัยตามหลักศาสนาอิสลาม (Islamic Insurance) โครงการ " Bancassurance' 2006" ที่ร่วมกับพันธมิตรคู่ค้า เช่น ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารออมสิน และธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นการเพิ่มช่องทางการตลาด และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้เข้าถึงการบริการของบริษัทได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โครงการ " ประกันสังคม สุขใจ เมื่อประกันภัยกับทิพย" ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ฯลฯ
พ.ศ.2555
จากความมุ่งมั่นสู่ความเป็นหนึ่งในด้านการบริการ บริษัทฯจึงได้จัดโครงการ ESQ (Excellent Service Quality) ที่สุดของการให้บริการ และคุณภาพอันดับหนึ่งของไทย เพื่อให้พนักงานทุกคนร่วมใจกันสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าด้วยการบริการที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากการสร้างสรรค์งานบริการที่เป็นเลิศแล้ว บริษัทฯก็ยังคงรักษาคุณภาพการบริหารงานได้อย่างมั่นคง จนได้รับรางวัลเกียรติยศ "บริษัทประกันภัยดีเด่นครบวงจร" ประจำปี 2555 (Prime Minister&rsquos Insurance Awards) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) และรางวัล "Investors's Choice Award" จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ที่มอบให้กับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลัก |